Skip to main content

หน้าหลัก

ฝ่ายแรงงาน ประจำ สอท. ณ กรุงเบอร์ลิน : สิทธิของแรงงานตามกฎหมายเยอรมัน

ข่าวแรงงาน ลำดับที่ 10 /2556

 

 

สิทธิของแรงงานตามกฎหมายเยอรมัน

 

 

  1. การเลิกจ้าง

ตามกฎหมายป้องกันการเลิกจ้าง การเลิกจ้างโดยเหตุผลด้านความประพฤติจะกระทำได้ต่อเมื่อมีการแจ้งเตือนมิให้ประพฤติตนเช่นนั้นซ้ำเสียก่อน ยกเว้นกรณีมีปัญหาความประพฤติขั้นร้ายแรงเท่านั้นที่จะสามารถเลิกจ้างโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า  กฎหมายฉบับนี้เสมือนเกราะป้องกันการเลิกจ้างโดยเป็นธรรมซึ่งสามารถใช้กับสถานประกอบการที่มีลูกจ้างมากกว่า 10 คน และต้องทำงานนาน 6 เดือนขึ้นไป หากไม่คำนึงถึงขนาดของสถานประกอบการตามที่กล่าวข้างต้น ลูกจ้างมีสิทธิที่จะได้รับการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าก่อนการเลิกจ้างเป็นเวลา 2 สัปดาห์ในช่วง 6 เดือนแรก หลังจากนั้น ลูกจ้างจะมีสิทธิที่จะได้รับการแจ้งดังกล่าวล่วงหน้าอย่างน้อยที่สุด 4 สัปดาห์ หรืออาจมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับระยะเวลาการทำงาน ทั้งนี้ การเลิกจ้างต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษรโดยไม่เป็นการเลือกปฏิบัติ

  1. การไม่จ่ายค่าจ้าง

หากมีการจ่ายค่าจ้างล่าช้าหรือยืดระยะเวลาจ่ายค่าจ้าง ลูกจ้างสามารถหยุดงานจนกว่าจะได้รับค่าจ้างโดยต้องแจ้งล่วงหน้า และนายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างให้กับลูกจ้างในช่วงที่หยุดทำงานด้วย

  1. การประกันสุขภาพและเงินบำนาญ

นายจ้างจะต้องจ่ายค่าประกันสุขภาพและการสมทบเงินบำนาญให้กับลูกจ้างประมาณครึ่งหนึ่ง

  1. ค่าจ้างขั้นต่ำ

ไม่มีข้อกำหนดทางกฎหมายเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำในประเทศเยอรมนี แต่ได้มีการตกลงกันเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำในบางภาค (เช่น การก่อสร้างและบริษัทจ้างงานชั่วคราว) โดยได้ทำความตกลงร่วมในภาคและวิชาชีพส่วนใหญ่  หากลูกจ้างได้รับค่าจ้างต่ำกว่า 2/3 ของอัตราที่กำหนดในความตกลงร่วม ก็จะถือว่าลูกจ้างได้รับค่าจ้างที่ไม่เป็นธรรมและสามารถฟ้องร้องได้

  1. เวลาพัก

หลังจากทำงานเป็นเวลา 6 ชั่วโมง ลูกจ้างมีสิทธิพัก 30 นาที หรือพักได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 15 นาที  สถานประกอบการที่มีลูกจ้างมากกว่า 10 คน จะต้องมีห้องสำหรับพักผ่อน

  1. การทำงานล่วงเวลาและงานกะกลางคืน

ลูกจ้างไม่จำเป็นต้องทำงานล่วงเวลาหากมิได้ทำข้อตกลงไว้ เวลาทำงานไม่รวมช่วงพักจะต้องไม่เกิน 8 ชั่วโมง ลูกจ้างอาจได้รับการร้องขอให้ทำงานได้ถึง 10 ชั่วโมงเป็นการชั่วคราว แต่โดยเฉลี่ยต้องทำงานไม่เกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน หากทำงานกะกลางคืน ลูกจ้างมีสิทธิที่จะได้รับวันลาเพิ่มหรือได้รับค่าจ้างพิเศษ

  1. ผู้รับงานอิสระ

ผู้รับงานอิสระจะต้องได้รับค่าจ้างภายในหนึ่งเดือนหลังจากยื่นใบแจ้งยอดเงินที่ต้องชำระ แต่จะไม่ได้รับสิทธิส่วนใหญ่ดังที่ระบุไว้ข้างต้น  อย่างไรก็ตาม หากทำงานเป็นผู้รับงานอิสระและนายจ้างเป็นผู้บอกถึงวิธีการทำงานหรือผู้รับงานอิสระนั้นร่วมเป็นส่วนหนึ่งในขั้นตอนการทำงาน ผู้รับงานอิสระนั้นอาจมิใช่ผู้รับงานอิสระอย่างแท้จริง ในกรณีเช่นนั้น ก็มีสิทธิเช่นลูกจ้างประจำ ซึ่งการพิสูจน์ในเรื่องนี้กระทำได้ค่อนข้างยาก

  1. การลาป่วย

หากลูกจ้างป่วยและไม่สามารถทำงานได้ นายจ้างจะต้องจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างเต็มจำนวนของรายได้ปกติเป็นเวลา 6 สัปดาห์ ในกรณีที่ป่วยเกิน 6 สัปดาห์ บริษัทประกันสุขภาพจะจ่ายเงินทดแทนให้ตามอัตราส่วน ทั้งนี้ ลูกจ้างต้องทำงานมาแล้วอย่างน้อยที่สุด 4 สัปดาห์ และต้องแจ้งให้นายจ้างทราบโดยทันทีว่าตนไม่สามารถทำงานได้และเป็นเวลานานเท่าใด

  1. การลาพักผ่อน  

ลูกจ้างมีสิทธิลาโดยได้รับค่าจ้าง 4 สัปดาห์ต่อปี ต้องได้พัก 11 ชั่วโมงระหว่างกะ วันอาทิตย์และวันหยุดราชการนับเป็นวันหยุด แต่มีหลายภาคที่ไม่รวมอยู่ในระเบียบนี้ (เช่น ลูกจ้างโรงแรมและภัตตาคาร)

  1. การลาเพื่อเลี้ยงดูบุตร

นายจ้างไม่สามารถเลิกจ้างลูกจ้างหญิงนับตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์จนถึง 4 เดือนหลังคลอดบุตร และสามารถลาหยุดโดยได้รับค่าจ้างในช่วง 6 สัปดาห์สุดท้ายของการตั้งครรภ์ และจนถึง 8 สัปดาห์หลัง การคลอดบุตร  บิดาและมารดาสามารถลาเลี้ยงดูแลบุตรรวมกันได้นานถึง 14 เดือนหลังการคลอดบุตรโดยได้รับเงินช่วยและไม่สามารถถูกเลิกจ้างได้

 

ที่มา https://berlin.fau.org/news/art_121018-205406

 

——————————————

 

ฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน

2 ธันวาคม 2556


405
TOP