ข่าวแรงงาน ลำดับที่ 12 /2558
ศาลอียูพิพากษาให้ประเทศสมาชิกสามารถปฏิเสธการให้สิทธิประโยชน์
ต่อคนจากประเทศอียูอื่นได้
ศาลยุติธรรมแห่งอียู ณ ประเทศลักเซมเบิร์กพิพากษาว่า ผู้โยกย้ายถิ่นฐานจากประเทศสมาชิกอียูอาจถูกปฏิเสธการให้สิทธิประโยชน์กรณีว่างงานภายใต้เงื่อนไขบางประการ โดยคดีดังกล่าวเป็นกรณีของหญิงโรมาเนียที่อาศัยอยู่ที่เมืองไลฟ์ซิก ประเทศเยอรมนี ผู้ซึ่งถูกศูนย์จัดหางานหรือ Jobcenter ปฏิเสธที่จะให้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวโดยให้เหตุผลว่าหญิงรายนี้ไม่ยอมทำงานตามที่ศูนย์จัดหางานแนะนำ โดยทั้งศูนย์จัดหางานและศาลแห่งเมืองไลฟ์ซิกต่างเห็นตรงกันว่าหญิงดังกล่าวซึ่งย้ายเข้ามาพักกับพี่สาวในเยอรมนีตั้งแต่ปี 2553 นั้นไม่เคยหางานทำอย่างจริงจัง
หญิงรายนี้ได้ยื่นฟ้องอุทธรณ์คดีต่อศาลอียู ซึ่งศาลได้พิพากษาว่า ประเทศสมาชิกย่อมมีสิทธิที่จะปฏิเสธการให้สิทธิประโยชน์ทางสังคมแก่คนว่างงานต่างชาติ และเนื่องจากหญิงรายนี้ไม่สามารถดูแลตนเองและบุตรวัยสิบขวบมาตั้งแต่เมื่อย้ายเข้ามาในเยอรมนี จึงหมายความว่าหญิงรายนี้ไม่สามารถยื่นฟ้องต่อศาลอียูโดยอ้างหลักการต่อต้านการเลือกปฏิบัติได้
พลเมืองอียูซึ่งอาศัยและทำงานในเยอรมนีเป็นเวลานานต่างมีสิทธิที่จะรับสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานเช่นเดียวกับคนเยอรมันทั่วไป และปัจจุบันมีคนต่างชาติถึง 4.3 ล้านคนที่รับสิทธิประโยชน์ดังกล่าว โดยจะมีสิทธิได้รับความช่วยเหลือกรณีว่างงาน ได้เงินสมทบกรณีได้ค่าจ้างต่ำ และได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลสำหรับผู้ที่มีบุตรอายุต่ำกว่าสามปีหรือต้องดูแลผู้ที่อยู่ในปกครอง แต่พลเมืองอียูจะไม่สามารถขอรับเงิน Hartz IV ในช่วงสามเดือนแรกในเยอรมนีหรือจนกว่าจะมีงานทำอย่างน้อยที่สุดหนึ่งงาน
คดีข้างต้นได้รับความสนใจจากประเทศสมาชิกอียูอื่นอย่างกว้างขวางและต่างติดตามผลพิพากษาคดีมาโดยตลอดเพราะจะมีผลตามมาอย่างมีนัยสำคัญต่อเรื่องเสรีภาพในการเคลื่อนย้ายของประชากรอียู ทั้งนี้ นาย David Cameron นายกรัฐมนตรีอังกฤษเองก็หวังว่าจะสามารถจำกัดการเรียกร้องสิทธิประโยชน์ของผู้เคลื่อนย้ายจากประเทศอียูอื่นเข้ามาในอังกฤษได้
สำหรับคดีนี้ศาลอียูได้รับเรื่องจากทนายความของหญิงรายนี้ รวมทั้งจากรัฐบาลเยอรมนี เดนมาร์ก ไอร์แลนด์ ฝรั่งเศส ออสเตรีย อังกฤษ และคณะกรรมาธิการอียู
ที่มา : แปลจากหนังสือพิมพ์เดอะโลคอล ฉบับวันที่ 11พฤศจิกายน 2557
—————————————–
ฝ่ายแรงงานประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน
28 พฤศจิกายน 2557