สถานการณ์ด้านแรงงานในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
เอกสารหมายเลข 8
ฝ่ายแรงงานฯ
25 ม.ค. 58
กฎระเบียบการนำเข้าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางในเยอรมนี
ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นสินค้าที่ถูกควบคุมโดยกฎหมายในแต่ละประเทศทั่วโลก เพื่อควบคุมสินค้าให้มี ความปลอดภัย มีคุณภาพ และมีสรรพคุณตามที่กล่าวอ้าง ฉะนั้นการนำผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเข้ามาในเยอรมนีจึงจำเป็นต้องผ่านขั้นตอนตามกฎระเบียบการนำเข้าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของสหภาพยุโรป (อียู) เช่นเดียวกับประเทศสมาชิกอียูอื่นๆ ทั้งนี้เพื่อควมปลอดภัยสูงสุดของผู้บริโภคในทุกด้าน
สหภาพยุโรปภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมาธิการยุโรป ได้ออกกฎหมาย Derective 2003/15/EC ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2556 เพื่อแก้ไขกฎหมายเครื่องสำอางเดิม (Directive 76/768/EEC) แต่ปัจจุบันกฎหมาย Derective 2003/15/EC ได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น EU Cosmetics Regulations ซึ่งทุกประเทศสมาชิกอียูจะต้องปฏิบัติตามภายใต้มาตรฐานเดียวกันตั้งแต่วันที่ 11 กรกฎาคม 2556 เป็นต้นไป โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่วางจำหน่ายในอียูนั้นมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคของสหภาพยุโรป
นิยามความหมายของคำว่า “เครื่องสำอาง” (Cosmetics) หมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารที่นำไปใช้สัมผัสกับ อวัยวะภายนอกของมนุษย์เช่น ผิวหนัง เส้นผม เล็บ ริมฝีปาก เป็นต้น หรือใช้กับฟัน เยื่อบุช่องปาก มีจุดประสงค์เพื่อทำความสะอาด ให้กลิ่นหอม ระงับกลิ่นกาย เสริมความงามให้ดูดียิ่งขึ้น ป้องกัน รักษาให้อยู่ในสภาพที่ดี
กฎระเบียบพื้นฐานผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางใน EU
- การปฏิบัติตามกฎระเบียบระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยจากการใช้ผลิตภัณฑ์
- กรรมวิธีการผลิตต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตเครื่องสำอาง (Good Manufacturing Practice: GMP) ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการจัดเก็บเอกสาร การควบคุมการผลิต การควบคุมการจัดเก็บการขนส่งผลิตภัณฑ์ ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาดสินค้า เป็นต้น
- การกำหนดแนวทางการจัดทำข้อมูลทางด้านวิชาการและรายละเอียดผลิตภัณฑ์ (Product Information File: PIF) ภายหลังการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์รอบสุดท้าย และพร้อมให้หน่วยงานที่กำกับดูแลตรวจสอบได้
- การประเมินความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นข้อมูลในภาคผนวก 1 (Annex I) ของ EU Cosmetics Regulations โดยสามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ http://ec.europa.eu/consumers/cosmetics/cosing/index.cfm?fuseaction=ref_data.annexes_v2
- การควบคุมสารจำเพาะ
- มีการระบุรายชื่อสารต้องห้ามในภาคผนวก (Annex II) สารที่กำหนดเงื่อนไขและปริมาณการใช้ (Annex III) สารย้อมสี (Annex IV) สารกันเสีย (Annex V) และสารกรองแสง UV หรือ UV-filters (Annex VI)
- มีการห้ามใช้สารหรือส่วนประกอบที่ถูกจัดอยู่ในประเภทมีฤทธิ์ก่อมะเร็ง มีฤทธิ์ทางพันธุกรรม และก่อให้เกิดพิษ (CMR: Carcinogenic, Mutagenic, Reprotoxic)
6. การห้ามวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ผ่านการทดลองด้วยสัตว์ หรือมีส่วนประกอบที่ผ่านการทดลองด้วยสัตว์ และห้ามการทดลองผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอางหรือส่วนประกอบเครื่องสำอางด้วยสัตว์
7. ข้อกำหนดการแสดงฉลาก โดยข้อความบนฉลาก บรรจุภัณฑ์หรือหีบห่อต้องระบุข้อมูลของผลิตภัณฑ์ด้วยตัวอักษรที่ชัดเจน ง่ายต่อการอ่าน ภาษาที่ ใช้บนฉลากควรเข้าใจง่ายและเหมาะสม บนผลิตภัณฑ์นั้นจะต้องระบุข้อมูลดังนี้
- ชื่อและที่อยู่ของผู้รับผิดชอบสินค้าในอียู
- ประเทศต้นกำเนิดของสินค้าที่นำเข้า
- ขนาดบรรจุ/ปริมาณสุทธิ
- ระยะเวลาและวันหมดอายุสินค้า
สัญลักษณ์นาฬิกาทรายจะใช้สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีอายุการใช้งานน้อยกว่า 30 เดือน และจะต้องระบุเดือนปี หรือวันเดือนปีที่หมดอายุ หรือระบุด้วยข้อความ Mindestens haltbar bis และตามด้วยวันเดือนปีที่หมดอายุ
สัญลักษณ์กระปุกเปิดฝาจะใช้สำหรับผลิตภัณฑ์มีอายุมากกว่า 30 เดือน และจะต้องกำหนดวันหมดอายุหลังจากการเปิดใช้งานครั้งแรก
- คำเตือน วิธีใช้หรือข้อแนะนำในการใช้สินค้า
- หมายเลขรุ่นการผลิต (batch number) ของผู้ผลิตหรือตัวเลขอ้างอิงระบุประเภทสินค้า
- รายชื่อส่วนประกอบตามมาตรฐานสากล (International Nomenclature for Cosmetic Ingredients: INCI เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถระวังส่วนประกอบบางอย่างที่ตนเองแพ้ได้
- หากมีการใช้วัสดุนาโน (Nanomaterials) เป็นส่วนประกอบ ต้องแสดงชื่อวัสดุนาโนและระบุคำว่า“nano” ต่อท้าย ตัวอย่างเช่น Titanium Dioxide [nano]
8. แนวทางการกล่าวอ้างสรรพคุณ
9. การให้เปิดเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์แก่สาธารณะ
10. การแจ้งให้ทราบถึงผลข้างเคียงจากการใช้ผลิตภัณฑ์ต่อคณะกรรมาธิการยุโรป และมาตรการแก้ไข
การจัดจำหน่ายเครื่องสำอางในเยอรมนี
หากมีการนำเข้าเครื่องสำอางจากประเทศไทยและจากนอกประเทศสหภาพยุโรปเพื่อใช้บริการลูกค้า หรือจัดจำหน่าย “ผู้แทนจำหน่าย หรือ ผู้นำเข้า” ที่มีถิ่นฐานอยู่ในเยอรมนีจะต้องเป็น “ผู้รับผิดชอบ” ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางนั้นโดยตรงตามกฎระเบียบฉบับใหม่นี้ ในกรณีที่เกิดความเสียหายต่อผู้บริโภค รวมถึงจะต้องเป็นผู้ดำเนินการนำสินค้าไปขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ให้ถูกต้อง โดยผู้ส่งออกหรือผู้ผลิตจะต้องส่งมอบเอกสารข้อมูลทางด้านวิชาการและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ (PIF) ให้แก่ “ผู้แทนจำหน่าย หรือ ผู้นำเข้า”
ตาม EU Cosmetics Regulations นี้ “ผู้รับผิดชอบ” สามารถแจ้งข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่จะวางจำหน่ายในอียูต่อคณะกรรมาธิการยุโรปผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทางลิ้งค์ https://webgate.ec.europa.eu/ cpnp/public/tutorial.cfm โดยมีขั้นตอนผ่านดังต่อไปนี้
หลังจากนั้นอาจมีหน่วยงานที่รับผิดชอบมาตรวจสอบผลิตภัณฑ์ว่าตรงตามที่ได้ลงทะเบียบไว้หรือไม่ ซึ่งจะเห็นได้ว่า สหภาพยุโรปมีกฎเกณฑ์การนำเข้าและระเบียบว่าด้วยศุลกากรที่ค่อนข้างซับซ้อน ผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและส่วนประกอบเครื่องสำอางไทยไปสหภาพยุโรป ควรเตรียมความพร้อม ติดตามความเคลื่อนไหวการเปลี่ยนแปลง และศึกษากฎระเบียบใหม่นี้อย่างละเอียดเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียโอกาสด้านการค้า
เรียบเรียงจาก :
- บทความเรื่องตลาดธุรกิจสปาไทยในเยอรมนีของสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต และกรุงเบอร์ลิน
- http://europa.eu/legislation_summaries/consumers/product_labelling_and_packaging/co0013_en.htm
- http://export.gov/newhampshire/build/groups/public/@eg_us_nh/documents/webcontent/eg_us_nh_050058.pdf
- http://app.tisi.go.th/EU/pdf/Cosmetic_Mar13.pdf
- http://nanotec.or.th/nanomarks/?page_id=50
—————————————-