Ci’’สถานการณ์ด้านแรงงานในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
เอกสารหมายเลข 9
ฝ่ายแรงงานฯ
16 ก.พ. 58
การประกาศใช้ค่าจ้างขั้นต่ำของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประกาศใช้กฎหมายว่าด้วยค่าจ้างขั้นต่ำมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 ซึ่งกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำไว้ในอัตราชั่วโมงละ 8.50 ยูโร และระบุมิให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างน้อยกว่าอัตราดังกล่าว โดยมีข้อยกเว้นสำหรับการจ้างลูกจ้างบางประเภท และบางภาคอุตสาหกรรมซึ่งยังไม่บังคับให้จ่ายค่าจ้างขั้นต่ำจนกว่าจะพ้นช่วงเปลี่ยนผ่านในวันที่ 31 ธันวาคม 2560
การกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำแห่งชาติของเยอรมนีมีเจตนารมณ์เพื่อคุ้มครองลูกจ้างในภาคส่วนที่ได้รับค่าจ้างต่ำมิให้ถูกกดค่าแรงและเพื่อลดจำนวนลูกจ้างที่ทำงานเต็มเวลาแต่ยังต้องพึ่งพาสิทธิประโยชน์ทางสังคมลง กระทรวงแรงงานเยอรมนีคาดว่าการประกาศใช้ค่าจ้างขั้นต่ำแห่งชาติจะส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม มีประสิทธิผล และประกันความมั่นคงของระบบประกันสังคมของเยอรมนี ทั้งนี้ เยอรมนีจะติดตามตรวจสอบให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายและหากมีการละเมิดกฎหมายก็จะลงโทษอย่างเฉียบขาด สำหรับการพิจารณาว่าในอนาคตควรจะเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำเป็นอัตราเท่าใดนั้นอยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมาธิการค่าจ้างขั้นต่ำซึ่งเป็นองค์กรอิสระ
1. ความเป็นมาเกี่ยวกับการกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำของเยอรมนี
แต่เดิมระบบค่าจ้างของเยอรมนีมีความแตกต่างจากประเทศในยุโรปและสหรัฐอเมริกาเนื่องจากมิได้มีการกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำที่มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายทั่วไป แต่มีระบบค่าจ้างที่เป็นอิสระซึ่งได้กำหนดค่าจ้างขั้นต่ำในบางสาขาอาชีพตามการตกลงร่วมกันระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างในสัญญาจ้างระดับรายบุคคลหรือการเจรจาต่อรองร่วมกันระหว่างกลุ่มนายจ้างกับสหภาพแรงงานในพื้นที่ของบางรัฐ โดยที่รัฐมิได้เข้ามาแทรกแซง ทำให้ไม่มีการหยิบยกเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำขึ้นเป็นประเด็นทางการเมือง เพราะกลไกระบบค่าจ้างที่เป็นอยู่ได้ทำหน้าที่เสมือนค่าจ้างขั้นต่ำสำหรับแต่ละสาขาอาชีพอยู่แล้ว ก่อนหน้ากฎหมายว่าด้วยค่าจ้างขั้นต่ำมีผลบังคับ เยอรมนีได้กำหนดให้ใช้ค่าจ้างขั้นต่ำในภาคเศรษฐกิจบางประเภท ซึ่งแตกต่างกันไปตามภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม กลไกดังกล่าวเริ่มเสื่อมประสิทธิภาพลง เนื่องจากมีนายจ้างจำนวนไม่น้อยที่ไม่ยอมรับค่าจ้างตามที่กำหนด อีกทั้งสหภาพแรงงานมีสมาชิกและอำนาจในการต่อรองลดลง ดังนั้นตั้งแต่กลางปี 2547 จึงได้เริ่มมีการอภิปรายกันเกี่ยวกับการกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำแห่งชาติ ภายใต้การนำของนาย Franz Munterfering หัวหน้าพรรค the Social Democratic Party (SPD) ในขณะนั้น ซึ่งรัฐบาลผสมของสหพันธ์ฯ ที่มีพรรค Christian Democrats (CDU) และ the Christian Social Union of Bavaria (CSU) และ SPD เป็นแกนนำได้นำกลุ่มแรงงานต่าง ๆ เข้ามาพิจารณาเกี่ยวกับรูปแบบการกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำที่เหมาะสม
หลังการเจรจาที่ยืดเยื้อมายาวนาน สภาผู้แทนราษฎร (Bundestag) ของเยอรมนีก็ได้ให้ความเห็นชอบกฎหมายว่าด้วยค่าจ้างขั้นต่ำเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2557 และต่อมาในวันที่ 11 กรกฎาคม 2557 สภามลรัฐ (Bundesrat) ก็ได้ให้การรับรองร่างกฎหมายฉบับนี้ซึ่งกำหนดให้มีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 ค่าจ้างขั้นต่ำแห่งชาติที่กำหนดอัตราค่าจ้างไว้ชั่วโมงละ 8.50 ยูโรนี้เป็นผลจากส่วนหนึ่งของข้อตกลงของพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2556 ในการจัดตั้งรัฐบาลผสมที่ประกอบด้วยพรรค CDU ของนาง Angela Merkel พรรคพันธมิตรคือ CSU และพรรค SPD ซึ่งเป็นพรรคคู่แข่งสำคัญ โดยพรรค SPD ได้ตั้งเงื่อนไขหนึ่งว่าจะเข้าร่วมรัฐบาลก็ต่อเมื่อนาง Merkel และพรรค CDU ตกลงให้มีการกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำ ดังนั้นเมื่อการจัดตั้งรัฐบาลร่วมแล้วเสร็จ ความพยายามที่จะให้มีการกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำแห่งชาติจึงประสบผลสำเร็จเป็นครั้งแรก และเยอรมนีได้เริ่มใช้ค่าจ้างขั้นต่ำแห่งชาติระยะที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 ทั้งนี้กระทรวงแรงงานเยอรมนีประมาณการว่าค่าจ้างขั้นต่ำที่ประกาศใช้ใหม่นี้จะส่งผลต่อคนจำนวน 3.7 ล้านคน
2. ค่าจ้างขั้นต่ำและการบังคับใช้
2.1 การบังคับใช้
แม้กฎหมายว่าด้วยค่าจ้างขั้นต่ำของเยอรมนีมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 แต่บางภาคอุตสาหกรรมได้รับอนุญาตให้ยังไม่ต้องจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำในช่วงเปลี่ยนผ่านไปจนกว่าจะถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2560 ซึ่งหมายความว่านายจ้างยังสามารถจ่ายค่าจ้างรายชั่วโมงโดยรวมได้ต่ำกว่าชั่วโมงละ 8.50 ยูโรเฉพาะในบางสาขา แต่จะต้องไม่ต่ำกว่าค่าจ้างขั้นต่ำที่สาขานั้นได้กำหนดไว้ก่อนหน้าการประกาศใช้ค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งเป็นอัตราที่นายจ้างและสหภาพแรงงานได้เจรจาหารือและตกลงร่วมกัน สาขาอาชีพที่ยังไม่ต้องใช้ค่าจ้างขั้นต่ำแห่งชาติได้แก่ อุตสาหกรรมผลิตเนื้อสัตว์และบริการช่างทำผมสำหรับในทุกรัฐ งานชั่วคราวในเยอรมนีตะวันออกและเบอร์ลิน งานทำความสะอาดโครงสร้างอาคารในเยอรมนี
สำหรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่กำหนดโดยข้อตกลงร่วมกัน นายจ้างยังต้องปฏิบัติตามที่กำหนด กล่าวคือ หากอัตราค่าจ้างตามข้อตกลงสูงกว่าค่าจ้างขั้นต่ำตามกฎหมาย นายจ้างก็ต้องจ่ายในอัตราที่ได้ตกลงร่วมกัน แต่หากอัตราที่ข้อตกลงกำหนดนั้นน้อยกว่าค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย German Posted Workers Law (ตัวอย่างเช่น บริการทำความสะอาดเชิงพาณิชย์และบริการด้านการดูแลสุขภาพ) นายจ้างจะยังสามารถจ่ายในอัตราเดิมในช่วงเปลี่ยนผ่านไปจนถึงสิ้นปี 2559 แล้วถึงจะต้องจ่ายอัตราขั้นต่ำตามที่กฎหมายใหม่กำหนดรายละเอียดตามตารางดังต่อไปนี้
ตารางอัตราค่าจ้างขั้นต่ำซึ่งเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างนายจ้างและสหภาพแรงงาน
ประกาศโดยอาศัยความตามกฎหมาย the Posted Workers Act (Arbeitnehmerentsendegesetz, AEntG) the Collective Agreement Act (Tarifvertragsgesetz, TVG) หรือ the Temporary Employment Act (Arbeitnehmerüberlassungsgesetz, AÜG)
2.2 ผู้ที่ไม่อยู่ในข่ายจะได้รับค่าจ้างขั้นต่ำ
กลุ่มที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องได้รับค่าจ้างในอัตราตามกฎหมายค่าจ้างขั้นต่ำได้แก่
- ผู้รับจ้างอิสระ
- ผู้ที่ว่างงานเป็นระยะยาว (อย่างน้อย 1 ปี) ในช่วงหกเดือนแรกที่กลับเข้ามาทำงาน
- อาสาสมัคร
- ลูกจ้างที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งไม่จบการศึกษาด้านวิชาชีพ
- นักเรียน/นักศึกษาฝึกงาน ทั้งหลักสูตรมหาวิทยาลัย และหลักสูตรอาชีวศึกษา ซึ่งจำเป็นต้องฝึกงานตามหลักสูตร หรือการฝึกงานเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาในปัจจุบัน หรือจำเป็นต่อการศึกษาในอนาคต ซึ่งในสองกรณีหลังจะจำกัดการฝึกงานไว้ไม่เกิน 3 เดือนสำหรับการฝึกงานกับนายจ้างรายเดียว และในทางกลับกันสำหรับนักศึกษาที่เป็นลูกจ้างและผู้สำเร็จโครงการฝึกหัดงานจะต้องได้รับค่าจ้างอย่างน้อยที่สุดในอัตราเท่ากับค่าจ้างขั้นต่ำ
แม้การกำหนดกลุ่มข้างต้นจะทำให้นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำ แต่กฎหมายก็ได้วางกรอบไว้อย่างชัดเจน ซึ่งหากไม่เป็นไปตามนั้นนายจ้างจะต้องจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำเต็มจำนวน ฉะนั้นจึงมีเพียงนักเรียนมัธยมตอนปลายหรือนักศึกษาวิทยาลัยที่จะได้รับการยกเว้นให้นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำให้ได้นานที่สุด 3 เดือน ดังนั้นหากมีการฝึกงานเกิน 3 เดือนก็อาจถือว่าเป็นการจ้างงานและอาจต้องจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำให้ในช่วงสามเดือนแรกของการทำงานด้วย สำหรับผู้ว่างงานระยะยาวนายจ้างอาจได้รับการยกเว้นไม่ต้องจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำให้ ดังนั้นบริษัทซึ่งเป็นเสมือนที่ฝึกงานให้กับคนเหล่านี้อาจได้รับการยกเว้นไม่ต้องจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำ อย่างไรก็ตามอาจไม่อนุญาตให้จ้างคนว่างงานระยะยาวโดยทำสัญญาจ้างเพียงหกเดือนซ้ำแล้วซ้ำอีก
สำหรับนักศึกษาสายอาชีวศึกษา (Ausbildung) ซึ่งนายจ้างได้รับการยกเว้นไม่ต้องจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำ เพราะต้องมีการฝึกงานสองถึงสามปีโดยได้รับค่าตอบแทนเป็นเบี้ยเลี้ยงนั้น ทำให้บริษัทอาจสามารถใช้นักศึกษาเหล่านี้แทนลูกจ้างได้อย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากเยอรมนีมีจำนวนนักศึกษาลดลงมาหลายปี และผู้ฝึกงานเองมักต้องการสมัครงานประจำที่ได้รับค่าจ้างสูงกว่าค่าจ้างตามกฎหมายขั้นต่ำนี้ ดังนั้นจึงคาดว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ฝึกงานมากนัก
2.3 ผลจากการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยค่าจ้างขั้นต่ำ
กฎหมายว่าด้วยค่าจ้างขั้นต่ำฉบับแรกของเยอรมนีทำให้ลูกจ้างเกือบทุกคน รวมถึงลูกจ้างตามสัญญาและลูกจ้างที่นายจ้างมีฐานธุรกิจอยู่นอกเยอรมนี (ไม่ว่าจะใช้กฎหมายใดในการทำสัญญาจ้างงาน) จะได้รับค่าจ้างขั้นต่ำ 8.50 ยูโรต่อชั่วโมง โดยจะคำนวณเงินประกันสังคมในอัตรานี้ตามไปด้วย และจะต้องจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำอย่างช้าที่สุดในสิ้นเดือนของเดือนที่ทำงาน หากไม่จ่ายตามกำหนดหรือจ่ายค่าจ้างต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ หรือไม่จ่ายค่าจ้าง หรือจ่ายเงินประกันสังคมต่ำกว่าความเป็นจริง นายจ้างอาจถูกปรับเป็นเงิน500,000 ยูโรและอาจต้องรับผิดทางอาญา หากลูกจ้างทำข้อตกลงหรือทำการสละสิทธิไม่รับค่าจ้างในอัตราค่าจ้างขั้นต่ำก็จะถือว่าข้อตกลงหรือการสละสิทธินั้นเป็นโมฆะ และลูกจ้างที่ได้รับค่าจ้างต่ำกว่าค่าจ้างขั้นต่ำมีสิทธิได้รับเงินชดเชยตามอัตราที่กำหนดในภาคอุตสาหกรรมหรือตำแหน่งซึ่งโดยปกติจะสูงกว่าเงินค่าจ้างขั้นต่ำ
กฎหมายค่าจ้างขั้นต่ำจะมีผลกระทบโดยเฉพาะต่อนายจ้างในภาคที่มีค่าจ้างต่ำและการทำงาน mini jobs เช่น งานที่ได้รับค่าจ้างเดือนละไม่เกิน 450 ยูโร หรืองานระยะสั้น เป็นต้น ภายใต้กฎหมายใหม่นี้ การจ้างงานที่ได้รับค่าจ้างเดือนละ 450 ยูโรโดยไม่กำหนดช่วงเวลาให้ชัดเจนซึ่งปัจจุบันยังคงทำได้อยู่นั้นจะต้องถูกจำกัดไว้สูงสุดที่ 52.9 ชั่วโมงทำงานต่อเดือนในอนาคต
ในประเด็นการจ่ายค่าจ้างนั้น นายจ้างสามารถจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างเป็นรายสัปดาห์ รายเดือน หรือรายปีโดยที่เมื่อคำนวณค่าจ้างเป็นรายชั่วโมงแล้ว ลูกจ้างจะต้องได้รับค่าจ้างอย่างน้อยที่สุดเท่ากับค่าจ้างขั้นต่ำ การคำนวณค่าจ้างขั้นต่ำนี้จะต้องรวมวันที่เป็นสิทธิตามกฎหมายเช่น วันหยุด วันลาป่วยที่ได้รับค่าจ้างด้วย ซึ่งฝ่ายนายจ้างจำเป็นต้องคำนวณค่าจ้างด้วยความระมัดระวังมิให้จ่ายค่าจ้างในอัตราที่น้อยกว่าค่าจ้างขั้นต่ำ เพราะอาจทำให้ถูกปรับในอัตราที่สูงได้
สำหรับสัญญาจ้างที่ระบุค่าจ้างน้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำถือว่าผิดกฎหมายและเป็นโมฆะ และในกรณีที่นายจ้างมอบหมายบริษัทอื่นในการให้บริการแทนตน นายจ้างก็จะต้องเป็นผู้รับผิดหากบริษัทที่รับช่วงงานไม่จ่ายค่าจ้างขั้นต่ำให้ลูกจ้าง ซึ่งหมายความว่านายจ้างต้องรับความเสี่ยงเรื่องการจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำของบริษัท ฉะนั้น นายจ้างจำเป็นต้องพิจารณาเรื่องการทำสัญญามอบหมายการรับช่วงงานเพื่อให้คุ้มครองจากการเรียกร้องสิทธิ์ของลูกจ้างซึ่งเป็นบุคคลที่สามด้วย
3. ผลกระทบจากการใช้ค่าจ้างขั้นต่ำแห่งชาติ
3.1 กลุ่มผู้มีรายได้น้อย
ฝ่ายที่สนับสนุนการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำแห่งชาติมีมุมมองต่อการบังคับใช้ค่าจ้างขั้นต่ำว่า แรงงานจะมีรายได้เพิ่มขึ้น และแรงงานกลุ่มที่มีรายได้น้อยเหล่านี้มักนำรายรับส่วนที่เพิ่มขึ้นไปใช้จ่ายมากกว่าเก็บออมซึ่งส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในทุกด้าน การกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำจะช่วยป้องกันการลดค่าจ้างแรงงานอพยพจากประเทศสมาชิกที่ยากจนซึ่งเคยส่งผลให้แรงงานเยอรมันไม่ได้รับการจ้างงานและถูกผลักดันให้ต้องออกไปหางานทำนอกประเทศ
3.2 กลุ่มเศรษฐกิจใต้ดิน
ผลการศึกษาล่าสุดของนักวิจัยจาก Tübingen’s Institute for Applied Economic Research (IAW) และ Austria’s Johannes Kepler University แห่งเมือง Linz ได้คาดการณ์ว่า การบังคับใช้ค่าจ้างขั้นต่ำแห่งชาติจะช่วยจุดประกายให้กับเศรษฐกิจใต้ดินของเยอรมนี กล่าวคือจะผลักดันให้แรงงานเข้าสู่เศรษฐกิจใต้ดินมากขึ้นในปี 2558 หลังจากที่ลดลงไปในหลายทศวรรษที่ผ่านมา
นักวิจัยประมาณการว่าเศรษฐกิจคู่ขนาน ซึ่งเป็นรูปแบบการจ่ายเงินค่าบริการโดยไม่มีการจ่ายภาษีหรือจ่ายเงินสมทบประกันสังคมจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 12.2 เปอร์เซนต์ หรือ 339 พันล้านยูโรของ GDP ในปีนี้ของเยอรมนี และนับเป็นปีแรกของช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมาที่เศรษฐกิจใต้ดินของเยอรมนีไม่ได้หดตัวลง ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศ OECD ทำให้เยอรมนีอยู่ในลำดับกลางถัดจากประเทศเพื่อนบ้านตอนเหนือและฝรั่งเศส ในขณะที่ประเทศในยุโรปใต้ เช่น กรีซ และอิตาลียังคงอยู่ลำดับท้าย
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าค่าจ้างแห่งชาติในอัตรา 8.50 ยูโรต่อชั่วโมงที่เยอรมนีเริ่มใช้ในต้นปี 2558 จะขับเคลื่อนให้คนหางานทำแบบผิดกฎหมายมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีการขึ้นค่าใช้จ่ายในการประกันดูแลสุขภาพขึ้น อย่างไรก็ตาม สภาพตลาดแรงงานที่เสถียรและเงินสมทบบำเหน็จบำนาญที่ต่ำของเยอรมนีน่าจะช่วยลดผลกระทบลงได้บ้าง
3.3 ประเทศเพื่อนบ้าน
จากการที่เยอรมนีประกาศใช้ค่าจ้างขั้นต่ำ ชั่วโมงละ 8.50 ยูโรซึ่งบังคับใช้กับแรงงานที่ทำงานในเยอรมนี โดยครอบคลุมพนักงานขับรถบรรทุกที่ทำงานอยู่ในภาคการขนถ่ายสินค้าทั่วเยอรมนี ได้ส่งผลกระทบต่อนายจ้างต่างชาติที่ไม่จ่ายค่าจ้างในอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตามกฎหมายใหม่ เพราะจะต้องถูกปรับในอัตราที่สูง ภายหลังการประกาศใช้ค่าจ้างขั้นต่ำ หลายประเทศสมาชิกอียู ได้แก่ประเทศในบอลติค ฮังการี โรมาเนีย เช็ก ฮังการี อังกฤษ และโปแลนด์ ได้ทำการร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป (European Commission: EC)
สำหรับกรณีของโปแลนด์ซึ่งมีพรมแดนติดกับเยอรมนี เนื่องจากค่าจ้างขั้นต่ำของโปแลนด์ในปี 2558 อยู่ที่ประมาณ 400 ยูโรต่อเดือน ดังนั้นการประกาศใช้ค่าจ้างขั้นต่ำของเยอรมนีจะทำให้อุตสาหกรรมรถบรรทุกของโปแลนด์ซึ่งมีบทบาทหลักในการค้าของยุโรป (trans-European trade) ได้รับผลกระทบอย่างมาก บริษัทขนส่งโปแลนด์และรัฐบาลโปแลนด์ได้แสดงความไม่เห็นด้วยกับการที่เยอรมนีบังคับใช้กฎหมายขั้นต่ำที่มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 ซึ่งครอบคลุมพนักงานขับรถบรรทุกที่ขับรถผ่านเข้ามาในเยอรมนีแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาเพียงสองสามชั่วโมง สมาคมขนส่งของโปแลนด์ได้กล่าวหาเยอรมนีว่ากระทำการโดยเลือกปฏิบัติและไม่เหมาะสมในการกำหนดให้บริษัทที่มีฐานธุรกิจอยู่ที่โปแลนด์ต้องจ่ายพนักงานขับรถด้วยอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของเยอรมนีในช่วงเวลาที่อยู่ในเขตเยอรมนีหรือมิฉะนั้นต้องถูกปรับ
รัฐบาลโปแลนด์ได้เรียกร้องให้เยอรมนีทำการทบทวนและร้องเรียนไปยัง EC ซึ่ง EC ได้รับเรื่องไว้เพื่อพิจารณาว่า การประกาศใช้ค่าจ้างขั้นต่ำของเยอรมนีกับลูกจ้างกลุ่มนี้ขัดกับกฎหมายของอียูหรือไม่ นาง Marianne Thyssen โฆษก EC ด้านการจ้างงานและกิจการสังคมกล่าวว่า การระงับใช้กฎหมายค่าจ้างขั้นต่ำของเยอรมนีนั้นถือเป็นก้าวที่ดี แต่โดยภาพรวมแล้วกฎหมายค่าจ้างขั้นต่ำของเยอรมนีสอดคล้องกับนโยบายด้านสังคมของ EC และ EC ได้ขอให้รัฐบาลเยอรมนีอธิบายในประเด็นที่คาดว่าจะขัดต่อกฎหมาย EU ภายใน 30 วัน
จากปัญหาข้างต้นทำให้ภายหลังจากการประกาศใช้ค่าจ้างขั้นต่ำไปเพียงไม่กี่สัปดาห์ เยอรมนีต้องประกาศระงับการใช้ค่าจ้างขั้นต่ำใหม่นี้กับกลุ่มพนักงานบรรทุกขับรถต่างชาติที่เข้ามาขนส่งสินค้าในเยอรมนีเป็นการชั่วคราว โปแลนด์ซึ่งต่อต้านระบบค่าจ้างขั้นต่ำสำหรับพนักงานขับรถบรรทุกต่างชาติของเยอรมนีได้แสดงความพึงพอใจกับการตัดสินใจของเยอรมนี โดยนาง Andrea Nahles รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเยอรมนีได้กล่าวว่า ภายหลังการพูดคุยกับผู้แทนของโปแลนด์แล้วเยอรมนีได้ระงับใช้กฎหมายค่าจ้างขั้นต่ำกับแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านของเยอรมนี จนกว่าจะมีความชัดเจนเรื่องกฎระเบียบของอียูมากขึ้น
เยอรมนีเป็นเพียงประเทศเดียวในยุโรปที่ไม่แยกแรงงานที่ผ่านเข้ามาในประเทศจากค่าจ้างขั้นต่ำ โดยให้เหตุผลว่า เพื่อแก้ไขปัญหาการกดค่าจ้างจนลดต่ำเกินจริง อย่างไรก็ตามในส่วนของสหภาพแรงงานโปแลนด์นั้นกลับให้การสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายค่าจ้างขั้นต่ำของเยอรมนี และมีหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเยอรมนีเพื่อขอให้รักษาจุดยืนนี้ไว้ ในขณะที่นาย Wladyslaw Kosiniak-Kamysz รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานโปแลนด์มองว่า การระงับใช้กฎหมายค่าจ้างขั้นต่ำกับพนักงานขับรถบรรทุกนั้นถือเป็นการตัดสินใจที่ดีและเรียกร้องให้บรัสเซลส์ให้ความกระจ่างเกี่ยวกับข้อกฎหมายนี้โดยเร็วที่สุด
มาตรการใหม่ของเยอรมนีกำหนดให้คนขับรถบรรทุกของโปแลนด์ซึ่งขับรถผ่านไปยังสเปนต้องจ่ายค่าจ้างชั่วโมงละ 8.50 ยูโรนับตั้งแต่ช่วงเวลาที่ข้ามผ่านพรมแดนเยอรมนีเข้ามาจนถึงเวลาที่เดินทางออกจากเขตเยอรมนี ซึ่งจะส่งผลให้นายจ้างมีภาระด้านเอกสารเพิ่มขึ้นและจะถูกปรับหากไม่จ่ายค่าจ้างขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนด
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเยอรมนี กล่าวว่า เยอรมนีมั่นใจว่ามิได้กระทำการละเมิดกฎของอียูด้วยการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยค่าจ้างขั้นต่ำกับผู้ที่ผ่านเข้ามาซึ่งรวมพนักงานขับรถบรรทุกที่ผ่านเยอรมนี และคาดว่าจะได้รับทราบผลการพิจารณาจากกรุงบรัสเซลส์ระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายนนี้ ซึ่งการที่เยอรมนีตกลงระงับการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยค่าจ้างขั้นต่ำกับพนักงานขับรถบรรทุกเป็นการชั่วคราวจะแสดงให้เห็นถึงสัญญาณของความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีและเยอรมนีไม่ประสงค์ให้มาตรการใหม่นี้กระทบกับความสัมพันธ์ของหุ้นส่วนอียู เพราะปัจจุบันมีพนักงานขับรถในโปแลนด์อย่างน้อยที่สุดถึง 200,000 คนที่ทำงานในภาคการขนส่งระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ตามการระงับใช้กฎหมายขั้นต่ำข้างต้นจะใช้กับการขับรถบรรทุกผ่านเยอรมนีแต่ไม่ใช่การส่งสินค้าของพนักงานขับรถต่างชาติในหรือจากเยอรมนี ทั้งนี้จากสถิติของ Germany’s BGL road haulage and logistics federation ระบุว่าหนึ่งในห้าของการจราจรด้านการขนส่งสินค้าในเยอรมนีเป็นการส่งข้ามเขตแดน (transit)
4. ประเด็นทางกฎหมายที่นายจ้างพึงพิจารณา
4.1 ผู้รับจ้างอิสระ
สำหรับผู้รับจ้างอิสระ (freelancers) ซึ่งได้รับการว่าจ้างภายใต้สัญญาจ้างบริการและไม่ได้รับค่าจ้างจากลูกค้าอย่างถาวร ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักเป็นงานโครงการ และในทางกฎหมายคนเหล่านี้ คือผู้ทำงานอิสระ และจ้างงานตนเอง แต่อย่างไรก็ตาม นายจ้างจำเป็นต้องทำการตรวจสอบในเรื่องนี้อย่างละเอียดเพื่อป้องกันมิให้เกิดผลเสียร้ายแรงตามมา
4.2 การลดชั่วโมงทำงาน
นายจ้างอาจสามารถลดชั่วโมงการทำงานของลูกจ้างเพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจาก การบังคับใช้ค่าจ้างขั้นต่ำ เช่น หากลดชั่วโมงทำงานของลูกจ้างลง 10 ชั่วโมง บริษัทก็จะมีค่าใช้จ่ายลดลง 85 ยูโร อย่างไรก็ตาม สำหรับสัญญาจ้างที่มีการระบุชั่วโมงการทำงานไว้ นายจ้างต้องมั่นใจว่าลูกจ้างได้ทำงานตามนั้นจริง มิฉะนั้นจะถือว่านายจ้างจ่ายค่าจ้างน้อยกว่าค่าจ้างขั้นต่ำ
เนื่องจากกฎหมายว่าด้วยค่าจ้างขั้นต่ำได้กำหนดให้มีการบันทึกเวลาทำงานไว้สำหรับลูกจ้างที่เป็น marginally employed workers ทุกคนและลูกจ้างในภาคที่มีความเสี่ยง ซึ่งได้แก่ ภาคการก่อสร้าง การจัดอาหารและบริการที่พัก (Catering and accommodation) ภาคการขนส่งผู้โดยสาร ตัวแทนการส่งออกและนำเข้าสินค้า การขนส่งและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ งานนิทรรศการงานบันเทิง บริษัทป่าไม้ อุตสาหกรรมทำความสะอาดอาคาร บริษัทประกอบและถอดอุปกรณ์ในงานหรือนิทรรศการ อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ ซึ่งในอุตสาหกรรมเหล่านี้จำเป็นต้องมีความเข้มงวดด้านการใช้เอกสารเป็นอย่างยิ่ง หากลดชั่วโมงทำงานก็จะมีความเสี่ยงสูงเพราะสามารถตรวจสอบได้ และหากนายจ้างลดชั่วโมงทำงานลงจริง บริษัทจะต้องให้ลูกจ้างออกโดยมีเงื่อนไขทางเลือกการจ้างงานอื่นให้กับลูกจ้าง ซึ่งต้องเป็นทางเลือกที่ลูกจ้างเห็นพ้องตามข้อตกลงที่ปรับใหม่ให้ลดชั่วโมงการทำงานลง
4.3 บริการ on-call services
ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับแนวคิดเรื่องเวลาในการทำงานที่ศาลจะนำมาใช้ภายใต้กฎหมายค่าจ้างขั้นต่ำ นายจ้างจึงอาจจ่ายค่าจ้างต่ำกว่าได้ แม้ในช่วงที่ผ่านมาศาลจะยอมรับให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างต่ำในเวลาที่เรียกใช้บริการ (on-call) เพราะไม่ได้มีการทำงานเต็มในช่วงเวลาที่เรียกใช้บริการ แต่ในระยะหลังนี้ศาลเริ่มวินิจฉัยให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างเต็มจำนวนในช่วงที่ต้อง stand by เพิ่มมากขึ้น
4.4 การคำนวณค่าจ้างขั้นต่ำ
กฎหมายว่าด้วยค่าจ้างขั้นต่ำระบุจำนวนขั้นต่ำที่ต้องจ่ายรายชั่วโมง แต่ไม่ได้ระบุว่าควรจะรวมค่าจ้างขั้นต่ำกับค่าตอบแทนอื่น เช่น โบนัส ค่านายหน้าจากการขาย เบี้ยเลี้ยง เงินวันหยุดและคริสมาสต์ เพิ่มจากเงินเดือนหรือไม่
สำหรับกรณีงาน mini jobs ที่เงินเดือนไม่เกิน 450 ยูโรและงานระยะสั้น รวมถึงงานเต็มเวลาในอุตสาหกรรมบางประเภทนั้น จำเป็นต้องมีเอกสารที่ระบุสภาพและเงื่อนไขการจ้างงาน บันทึกการทำงาน รายการชดเชย แผนวันหยุดและอื่นๆ ไว้อย่างครบถ้วนและพร้อมให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ กฎหมายว่าด้วยค่าจ้างขั้นต่ำกำหนดให้นายจ้างบันทึกเวลาเริ่มและหยุดงาน ระยะเวลาทำงานในแต่ละวันและต้องเก็บบันทึกไว้อย่างน้อย 2 ปี คาดว่านายจ้างจะมีภาระเพิ่มขึ้นในการเก็บบันทึกรายงานและเอกสารเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบว่าได้ปฏิบัติตามหรือไม่ จนเป็นข้อกังวลว่ากฎหมายว่าด้วยค่าจ้างขั้นต่ำใหม่นี้อาจก่อให้เกิดภาระและทำให้มีงานธุรการเพิ่มขึ้น และสำหรับอุตสาหกรรมที่ต้องอาศัยความยืดหยุ่น เช่น อุตสาหกรรมการโรงแรม ซึ่งลูกจ้างที่ได้รับมอบหมายให้ทำงานจะต้องบันทึกเวลาทำงานของตนก็จำเป็นต้องมีบันทึกตามกฎหมายใหม่นี้ด้วย
5. สถานะปัจจุบันของการใช้ค่าจ้างขั้นต่ำของเยอรมนี
นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 นายจ้างเยอรมันและนายจ้างต่างชาติจะต้องจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำให้แก่ลูกจ้างที่กำลังทำงานอยู่ในเยอรมนี จึงจำเป็นต้องทำการพิจารณาเงื่อนไขและสภาพการจ้างงานว่าตรงตามที่กฎหมายว่าด้วยค่าจ้างขั้นต่ำระบุหรือไม่ โดยต้องตรวจสอบงานทั้งในส่วนที่เป็นงาน “mini jobs” และงานที่อัตราค่าจ้างเป็นไปตามข้อตกลงร่วมกันอย่างละเอียด เพราะหากไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดก็อาจถูกปรับในจำนวนที่สูง อย่างไรก็ตาม กฎหมายว่าด้วยค่าจ้างขั้นต่ำฉบับใหม่นี้ยังมีส่วนที่คลุมเครือซึ่งต้องให้ศาลแรงงานเป็นผู้ตีความ ซึ่งเป็นเรื่องปกติเมื่อมีการออกกฎหมายใหม่
เนื่องจากเยอรมนีเพิ่งประกาศใช้ค่าจ้างขั้นต่ำ จึงเป็นที่น่าสนใจว่าอุตสาหกรรมต่างๆ จะมีปฏิกิริยาเช่นใด ถึงแม้ว่าค่าจ้างขั้นต่ำจะมิใช่เรื่องใหม่กับอุตสาหกรรมหรือธุรกิจบางประเภท แต่สำหรับนายจ้างบางรายที่เคยจ่ายค่าจ้างในอัตราที่น้อยกว่าค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ที่กำหนดเป็นครั้งแรกอาจมองหาหนทางใหม่ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำและลดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม กระทรวงแรงงานเยอรมนีได้เตรียมที่จะออกกฎหมายแรงงานที่จะรับมือกับปัญหาเหล่านี้ ซึ่งฝ่ายแรงงานประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลินจะนำเสนอความคืบหน้าให้ทราบในโอกาสต่อไป
เรียบเรียงโดย ฝ่ายแรงงานประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน
ที่มา :
http://www.wageindicator.org/main/salary/minimum-wage/germany
http://www.sjberwin.com/insights/2015/01/15/german-employment-law-2015
http://news.kyero.com/2014/11/countries-with-no-minimum-wage-have-higher-salaries-and-less-unemployment/18904
http://www.thenews.pl/1/12/Artykul/194433,Poland-complains-over-German-minimum-wage
http://www.igloballaw.com/germany-introduces-its-first-minimum-wage/
http://cir.ca/news/minimum-wage-in-germany
http://www.dw.de/german-parliament-approves-controversial-national-minimum-wage/a-17755406
http://www.dw.de/minimum-wage-fuels-germanys-underground-economy/a-18231218
www.mol.go.th/anonymouse/foreignlabour/7525
Ministry of Finance in Germany
Ministry of Labour in Germany
———————————————————–