กฎระเบียบใหม่และหลักการด้านความช่วยเหลือทางสังคม
วัตถุประสงค์ของการให้ความช่วยเหลือทางสังคมของเยอรมนีนั้นคือเพื่อให้ผู้มีสิทธิทุกคนสามารถอยู่ได้อย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เมื่อมีรายได้และเงินเก็บไม่เพียงพอ บริการความช่วยเหลือทางสังคมจะช่วยดูแลด้านความต้องการขั้นต่ำเพื่อให้มีมาตรฐานความเป็นอยู่ที่สังคมยอมรับได้ และยังให้การชดเชยแก่ผู้พิการ ผู้ที่ต้องการการพยาบาล หรือผู้ประสบความยากลำบากในสังคม ให้สามารถอยู่ในชุมชนได้มากที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ เพื่อให้คงไว้ซึ่งมาตรฐานความเป็นอยู่ที่สังคมยอมรับได้ และยังมุ่งที่การชดเชยตามความจำเป็นสำหรับผู้มีอุปสรรค เช่น ผู้พิการ ผู้ต้องการการพยาบาล หรือผู้ที่ประสบความยากลำบากทางสังคมอย่างมากเพื่อให้อยู่ในชุมชนต่อไปได้ โดยเยอรมนีได้ออกระเบียบใหม่ในการให้ความช่วยเหลือทางสังคมในสถานการณ์เฉพาะเจ็ดประการแทนที่จะให้เฉพาะค่าครองชีพและความช่วยเหลือในสถานการณ์พิเศษเช่นในอดีต
หลักการให้ความช่วยเหลือทางสังคมคือ เน้นให้คนสามารถช่วยตนเองและไม่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือให้มากที่สุด โดยให้ผู้ขอรับความช่วยเหลือเข้ามามีส่วนร่วมด้วย ซึ่งการให้ความช่วยเหลือจะครอบคลุมหลักการดังนี้
- ให้ความช่วยเหลือให้ตรงกับความต้องการ โดยพิจารณาจากสถานการณ์ ความประสงค์ และความสามารถของบุคคล
- การช่วยเหลือถือเป็นสิทธิประโยชน์รอง จึงจะยังไม่ให้ความช่วยเหลือจนกว่าผู้ขอรับจะใช้ทรัพยากรอื่นของตนหมดไปแล้ว ฉะนั้นจึงต้องให้ผู้ขอรับความช่วยเหลือใช้ความสามารถในการหาเงินได้หรือใช้สิทธิของผู้รับความช่วยเหลือที่อาจมีจากการประกันหรือระบบสวัสดิการอื่นเสียก่อน
- เมื่อหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือทางสังคมรับทราบว่า บุคคลอยู่ในข่ายที่จะต้องให้ความช่วยเหลือ ก็จะดำเนินการให้ในทันทีโดยไม่ต้องยื่นขอรับความช่วยเหลือ
- ความช่วยเหลือเน้นสิทธิประโยชน์ที่เป็นเงิน และรวมถึงการให้คำปรึกษา การช่วยเหลือให้อยู่ในชุมชน และการสนับสนุนในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ไม่ต้องพึ่งพาอาศัยผู้ใด (SGBXII มาตรา 11)
- ให้ความสำคัญกับความช่วยเหลือที่มิใช่เชิงสถาบันมากกว่าเชิงสถาบัน ซึ่งการให้ความช่วยเหลือเชิงสถาบันจะขึ้นกับผลประเมินความต้องการ ทางเลือก และค่าใช้จ่าย
- การให้บริการเสริมในรูปของคำปรึกษาและการสนับสนุนด้านต่างๆ จะช่วยให้คนสามารถช่วยตนเองและมีส่วนร่วมในชุมชนได้
การปฏิรูปความช่วยเหลือทางสังคม: สิ่งท้าทายใหม่และการปรับโครงสร้างตามกฎหมาย
พระราชบัญญัตติว่าด้วยความช่วยเหลือทางสังคมแห่งสหพันธ์ฯ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2505 โดยมีวัตถุประสงค์ในการเพื่อให้ความช่วยเหลือเร่งด่วนเป็นการชั่วคราวแก่บางกลุ่มเป็นการเฉพาะ เช่น ผู้สูงอายุที่มีบำนาญต่ำ ความยากจนและแม้จะมีความยากจนในกลุ่มผู้สูงอายุลดลง แต่พบว่ามีปัญหาอื่นๆ เพิ่มขึ้นได้แก่
- การว่างงานจำนวนมาก : การว่างงานระยะยาว แรงงานต่างชาติฝีมือต่ำ และการเพิ่มจำนวนของคนหนุ่มสาวว่างงานซึ่งต้องการความช่วยเหลือเรื่องค่าครองชีพ
- ความมั่นคงของครอบครัวที่ลดลง ทำให้ต้องมีการให้ความช่วยเหลือค่าใช้จ่ายสำหรับพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว
- มีกลุ่มผู้อพยพจากเหตุลี้ภัย สงครามกลางเมือง คนจากยุโรปตะวันออกและแรงงานต่างด้าวตกงานซึ่งเป็นกลุ่มใหม่ที่ขอรับความช่วยเหลือ
- ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของประชากร ทำให้มีผู้ที่ต้องพึ่งความช่วยเหลือในการพยาบาลเพิ่มมากขึ้น
- จำนวนผู้พิการที่เพิ่มมากขึ้น
จากปัญหาข้างต้น เยอรมนีจึงได้ปรับปรุงพระราชบัญญัติว่าด้วยความช่วยเหลือทางสังคมแห่งสหพันธ์ฯ เสียใหม่ และออกกฎหมายที่เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ของผู้ลี้ภัยซึ่งมีผลบังคับใช้ในปี 2536 และกฎหมายว่าด้วยการประกันการดูแลระยะยาวในปี 2538 และในปี 2544 Book IX Social Code ได้จำแนกการให้สิทธิประโยชน์ใหม่ และแยกประเภทการขอรับสิทธิ โดยพิจารณาจากสถานการณ์ของบุคคลแต่ละราย
ประเภทของความช่วยเหลือทางสังคมจะครอบคลุมใน 7 ด้านได้แก่
- ค่าใช้จ่ายในการครองชีพ
- เงินเสริมบำนาญอิงความต้องการในวัยชราและในกรณีของความสามารถในการหาเงินได้ลดลง
- การดูแลสุขภาพ
- การบูรณาการความช่วยเหลือสำหรับผู้พิการ
- การพยาบาล
- การช่วยเหลือให้พ้นความยากลำบากทางสังคม
- การช่วยเหลือในสถานการณ์อื่น
บทต่างๆ ใน SGBXII
บทที่ 3: การช่วยค่าใช้จ่ายในการครองชีพ
มักให้กับผู้ที่อาศัยที่บ้าน คู่สมรสที่พักอยู่ด้วย หรือคู่ครองตามกฎหมายและบุตรที่ยังเล็กซึ่งพักอาศัยในบ้านเดียวกัน โดยรวมค่าใช้จ่ายเรื่อง อาหาร ที่พัก เครื่องนุ่งห่ม และอื่นๆ ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในการมีส่วนร่วมในสังคมและวัฒนธรรมด้วย ในอัตราดังนี้
อัตรามาตรฐาน ณ วันที่ 1 มกราคม 2558
- อัตรามาตรฐาน 1: 399 ยูโร
สำหรับผู้ใหญ่ที่มีสิทธิรับความช่วยเหลือในฐานะที่เป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวและหากอยู่รวมกับผู้ใหญ่
จำนวนหนึ่งคนหรือมากกว่าซึ่งอยู่ในอัตรามาตรฐาน 3
- อัตรามาตรฐาน 2: 360 ยูโร
ต่อคนสำหรับผู้ใหญ่ 2 คนที่มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือในการจัดการงานบ้านที่อยู่รวมกันในฐานะคู่
สมรส หรือคู่ครองตามกฎหมายหรือมีระดับความสัมพันธ์เช่นเดียวกัน
- อัตรามาตรฐาน 3: 320 ยูโร
สำหรับผู้ใหญ่ที่มีสิทธิได้ความช่วยเหลือซึ่งไม่ได้จัดการงานบ้านของตนเองและไม่ได้อยู่รวมในบ้าน
ในฐานะคู่สมรส หรือคู่ครองตามกฎหมายหรือมีระดับความสัมพันธ์เช่นเดียวกัน
- อัตรามาตรฐาน 4: 302 ยูโร
สำหรับวัยรุ่นที่มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือที่อายุตั้งแต่ 15-18 ปี
- อัตรามาตรฐาน 5: 267 ยูโร
สำหรับเด็กที่มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือตั้งแต่อายุ 7-14 ปี
- อัตรามาตรฐาน 6: 234 ยูโร
สำหรับเด็กที่มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือตั้งแต่อายุ 6 ปีขึ้นไป
คนเยอรมันที่อาศัยอยู่ต่างประเทศไม่สามารถรับความช่วยเหลือเรื่องค่าครองชีพได้หากมิได้อยู่ในสภาวะที่ฉุกเฉินหรือมีเหตุผลเฉพาะที่ทำให้ไม่สามารถกลับเยอรมนีได้
แพ็คเกจใหม่ว่าด้วยการศึกษา
แพ็คเกจใหม่ด้านการศึกษาสำหรับนักเรียนที่เรียนในระบบการศึกษาปกติหรือโรงเรียนวิชาชีพจะรวม
- ค่าใช้จ่ายในการไปเที่ยวข้างนอกแบบไปเช้าเย็นกลับกับทางโรงเรียน
- ความช่วยเหลือสำหรับการออกทริปหลายวันกับโรงเรียน
- ความช่วยเหลือของใช้ส่วนตัวสำหรับโรงเรียน (70 ยูโรสำหรับปีการศึกษาครึ่งแรกและ 30 ยูโรสำหรับปีการศึกษาครึ่งหลัง)
- ค่าเดินทางไป/กลับโรงเรียน หากจำเป็นและไม่ได้รับจากแหล่งอื่น
- ความช่วยเหลือในการสนับสนุนการเรียนรู้ในสถานการณ์เฉพาะ
- ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาหารในโรงเรียน
- งบสำหรับการเข้าร่วมงานทางสังคมหรือวัฒนธรรมเดือนละ 10 ยูโร
บทที่ 4 เงินเสริมบำนาญตามความจำเป็นสำหรับวัยชราและในกรณีที่ความสามารถในการหาเงินได้ลดลง (SGBXII, มาตรา 41-46a)
ภายใต้บทที่ 4 SGBXII ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป และผู้มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปที่สูญเสียความสามารถในการหาเงินได้ซึ่งลดลงอย่างสิ้นเชิงจากสาเหตุทางการแพทย์จะมีสิทธิได้รับเงินเสริมบำนาญหากมีความจำเป็นและมีถิ่นที่อยู่ในเยอรมนี โดยต้องมีการยื่นคำร้อง เงินนี้จะให้หนึ่งปีต่อครั้ง โดยจะพิจารณาการให้เงินเสริมจากเงินได้เช่นบำนาญและทรัพย์สินของผู้ขอรับเงิน คู่สมรสหรือคู่ครองตามกฎหมาย (หากไม่ได้แยกกันอยู่) หรือผู้ที่อยู่กินร่วมกันกับผู้ขอรับเงิน
บทที่ 5 ความช่วยเหลือเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ (SGBXII, มาตรา 47-52)
ผู้รับความช่วยเหลือทางสังคมที่ไม่มีประกันสุขภาพจะได้รับการดูแลเช่นเดียวกับผู้ที่จ่ายเงินเข้ากองทุนประกันสุขภาพ โดยกองทุนประกันสุขภาพจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้รับความช่วยเหลือทางสังคมที่มิได้เป็นผู้ประกันตนและจะเบิกคืนในภายหลัง
ผู้ขอรับความช่วยเหลือทางสังคมที่ไม่มีประกันสุขภาพจะเลือกกองทุนประกันสุขภาพหนึ่งกองทุนที่ได้รับมอบอำนาจ และกองทุนประกันสุขภาพจะให้บัตรประกันสุขภาพแก่ผู้รับความช่วยเหลือเพื่อให้สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลเมื่อจำเป็น ซึ่งแพทย์และผู้ให้บริการด้านสุขภาพจะรับทำการรักษาให้เช่นผู้ป่วยที่มีประกันตน
สำนักงานช่วยเหลือทางสังคมจะจ่ายค่าดูแลสุขภาพแก่กองทุนประกันสุขภาพ โดยที่ผู้รับความช่วยเหลือทางสังคมจะต้องจ่ายเงินสมทบส่วนของผู้ป่วยตามที่ประเมินไว้ในการเข้ารับการรักษาพยาบาล
บทที่ 6 ความช่วยเหลือด้านการบูรณาการให้แก่ผู้พิการ (SGBXII, มาตรา 53-60)
มีเป้าหมายเพื่อป้องกัน ฟื้นฟู และบูรณาการ โดยมุ่งป้องกันมิให้เกิดความพิการ หรือเพื่อขจัดหรือบรรเทาผลที่ตามมา และบูรณาการผู้พิการเข้าสู่ชุมชน ซึ่งผู้ที่เสี่ยงว่าจะมีความบกพร่องทางกาย หรือจิตใจ มีสิทธิที่จะได้รับความช่วยเหลือ
บทที่ 7 ความช่วยเหลือด้านการดูแลพยาบาล (SGBXII, มาตรา 61-66)
การนำประกันการดูแลระยะยาวมาใช้นั้นได้ลดภาระการช่วยเหลือทางสังคมในการดูแลพยาบาลอย่างมาก ระบบอิงประกันใหม่นี้ได้ให้สิทธิประโยชน์เกี่ยวกับการดูแลที่บ้าน การดูแลในสถาบันบางเวลา และการดูแลระยะสั้นมาตั้งแต่เมษายน 2538 และสิทธิประโยชน์การดูแลในสถาบันมาตั้งแต่กรกฎาคม 2539
บทที่ 8 ความช่วยเหลือให้สามารถแก้ไขปัญหาทางสังคมพิเศษ (SGBXII, มาตรา 67-69)
การช่วยให้แก้ไขปัญหาสังคมพิเศษนั้นมีให้กับผู้ที่ต้องเผชิญปัญหาความยุ่งยากเป็นพิเศษ รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการไร้บ้านและปัญหาที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 9 ความช่วยเหลือในสถานการณ์อื่นๆ (SGBXII, มาตรา 70-74)
บทนี้จะให้ความช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ การให้ความช่วยเหลือในการดูแลบ้าน การช่วยเหลือคนชราการช่วยเหลือคนตาบอด ค่าทำศพ และอื่นๆ ซึ่งไม่ได้รับการช่วยเหลือ
ระเบียบอื่น ๆ
นอกจากนี้ SGBXII ยังมีบทต่าง ๆ ว่าด้วย สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการ รายได้และทรัพย์สิน การขอรับค่าบำรุงรักษา ความรับผิดชอบ การชำระค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับความช่วยเหลือใหม่ การโอนระหว่างหน่วยงาน ระเบียบขั้นตอน สถิติ และบทสรุป
ข่าวแรงงาน ลำดับที่ 58 /2559
ที่มา: เรียบเรียงจากคู่มือประกันสังคม Social Security at a Glance 2015 ของกระทรวงแรงงานและกิจการสังคมแห่งสหพันธ์ฯ
—————————————————-
ฝ่ายแรงงานประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน