Skip to main content

หน้าหลัก

รายงานการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง “จากจินตนาการสู่ปฏิบัติการ เพื่อแรงงานไทยในยุโรป

ฝ่ายแรงงาน  ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน องค์การแรงงานระหว่างประเทศ  และกลุ่มเครือข่ายหญิงไทยในภาคพื้นยุโรป ได้ร่วมจัดกิจกรรมกระทรวงแรงงานเคลื่อนที่  และประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ  เรื่อง  จากจินตนาการสู่ปฏิบัติการ  เพื่อแรงงานไทยในยุโรป  เพื่อความเข้มแข็ง  ประสิทธิภาพ  และความสำเร็จ  ระหว่างวันที่ 30-31 ตุลาคม 2553  ณ  อาคารวิลล่า  สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน    สรุปสาระสำคัญดังนี้

                               1.  ประเด็นแรงงานไทยในยุโรป 

                                      1.1   แรงงานไทยในโปแลนด์ 

               แรงงานไทยในโปแลนด์มีหลายประเภท  ได้แก่  พ่อครัว/แม่ครัว   ผู้ช่วยในครัว  นวดแผนไทย/สปา  และภาคเกษตร  อาทิ  ฟาร์มเห็ด  ฟาร์มสตรอเบอร์รี่  ฟาร์มเลี้ยงตัวมิ้งค์  เป็นต้น  ซึ่งเริ่มเป็นที่นิยมของแรงงานไทยมาตั้งแต่ปี 2551  ปัญหาที่เกิดกับแรงงานไทยในโปแลนด์ส่วนใหญ่เกิดมาจาก                                                             

                       –  แรงงานไทยต้องจ่ายค่านายหน้าให้ตัวแทนบริษัทจัดหางานเป็นจำนวนเงินสูงมาก  (2-3 แสนบาทต่อหัว)                                                    

                      –  ตัวแทนบริษัทจัดหางานโฆษณาชวนเชื่อเกินจริง  และแรงงานไทยส่วนมากจะเชื่อถือคำโฆษณามากว่าสิ่งที่ระบุในสัญญาจ้าง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าจ้าง

                     –  นายจ้างบังคับทำสัญญาซ้ำซ้อน  กดค่าแรงและสวัสดิการ หรือไม่ทำตามสัญญาจ้าง

                     –  แรงงานไม่ได้รับการอบรม/ข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับประเทศที่จะเดินทางไป

                     – แรงงานไทยมักไม่ค่อยใส่ใจรายงานตัวต่อสถานเอกอัครราชทูตฯ เมื่อเดินทางไปถึงแล้ว  ทำให้สถานเอกอัครราชทูตไม่มีข้อมูลคนงานนั้น ๆ ทำให้ติดต่อกันไม่ได้ทันทีเมื่อเกิดปัญหา  เกิดความล่าช้าในการช่วยเหลือ

                     – แรงงานไทยจำนวนไม่น้อยทำตัวไม่ดี  ทำให้มีปัญหาทั้งกับนายจ้างและเพื่อนร่วมงานด้วยกันเอง  เช่น  ดื่มเหล้า  ทะเลาเบาะแว้ง

 

 

ข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปัญหาหรือลดปัญหาที่เกิดขึ้น

                                       1.  หามาตรการกำจัด/ลดภาระการจ่ายค่านายหน้าแพงเกินกำหนดของคนงาน

                       2. หามาตรการป้องกันการทำสัญญาจ้างซ้ำซ้อนโดยเฉพาะสัญญาซ้อนที่ทำในประเทศไทย

                               3.  ประชาสัมพันธ์ให้ผู้จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศทราบข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับปัญหาที่จะเดินทางไปทำงาน

                               4.   ประชาสัมพันธ์ให้แรงงานไทยทราบว่า  หากมีปัญหา  คำถามหรือไม่เข้าใจในเรื่องใดขอให้ติดต่อสอบถามและแจ้งให้ฝ่ายแรงงานฯ หรือสถานเอกอัครราชทูตในประเทศนั้น  เพื่อความเข้าใจอย่างถ่องแท้เอง  เช่น  ดื่มเหล้า  ทะเลาะเบาะแว้ง 

                                     1.2   แรงงานไทยในฝรั่งเศส   

ปัญหาแรงงานไทยในฝรั่งเศสจะเป็นปัญหาของแรงงานที่เข้ามาพำนักและทำงานอยู่ในฝรั่งเศสเป็นระยะเวลานาน  โดยไม่มีใบอนุญาตหรือมีแต่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย (แรงงานมืด)  แรงงานเหล่านี้มีประมาณ 300 คน  มีความต้องการที่จะได้บัตรประจำตัว  โดยยกกรณีตัวอย่างที่พบและอยู่ระหว่างดำเนินการขณะนี้  คือ  (Titre de sejour)  เพื่อที่จะสามารถอยู่และทำงานในฝรั่งเศสได้อย่างถูกต้อง  โดยสหภาพแรงงานของฝรั่งเศส (CGT)  จะเป็นผู้ผลักดันและเรียกร้องรัฐบาลให้เปลี่ยนกฎหมายให้แรงงานต่างชาติซึ่งมีจากหลายประเทศจำนวนประมาณ 1,800 คน  ได้รับบัตรประจำตัวและสิทธิในการพำนักในฝรั่งเศส  แรงงานไทยส่วนมากทำงานเย็บผ้า  งานบ้าน  ดูแลเด็กและคนชรา  งานร้านอาหารและก่อสร้างหลายรายได้ค่าแรงต่ำกว่ามาตรฐานค่าแรงงานขั้นต่ำ  คือ  ได้ 4 ยูโรต่อชั่วโมง  ในขณะที่ค่าจ้างขั้นต่ำคือ 8 ยูโรต่อชั่วโมง

                                             ปัญหาใหญ่อีกปัญหาที่พบในแรงงานไทย คือ  การไม่รู้ภาษาฝรั่งเศส  แรงงานไทยต้องเสียเงินจ้างคนที่พูดภาษาฝรั่งเศสได้ให้พาไปทำธุระหรืออ่านเอกสารสำคัญที่เป็นภาษาฝรั่งเศส  ชมรมสตรีไทยในฝรั่งเศสจึงได้พยายามให้ความรู้แก่แรงงานไทยเหล่านี้    ด้วยการจัดการสอนภาษาฝรั่งเศส รวมทั้งภาษาไทยด้วย  นอกจากนี้ยังมีการสอนการแกะสลัก  การประกอบอาหาร  โดยวิทยากรที่มาจากการศึกษานอกโรงเรียนของกระทรวงศึกษาธิการ

                                    1.3  ปัญหาแรงงานในอิตาลี   กรณีศึกษาแรงงานนวด/สปา

           แรงงานไทยที่เข้ามาทำงานในอิตาลีมีหลายประเภท  แรงงานชายส่วนใหญ่จะทำงานในอุตสาหกรรมหนัก  เช่น  ถลุงเหล็ก  ในภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ  ซึ่งมีแรงงานไทยอยู่เกือบ 100 คน  ส่วนแรงงานหญิงส่วนใหญ่จะเข้ามาประกอบอาชีพนวด/สปา  ปัญหาด้านแรงงานที่พบส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการไม่รู้ภาษาอิตาเลี่ยน  ทำให้แรงงานไทยไม่เข้าใจเกี่ยวกับสัญญาจ้าง  และเงื่อนไขต่าง ๆ ในการทำงาน  เพราะสัญญาจ้างงานจะเป็นภาษาอิตาเลี่ยน  สหภาพแรงงานอิตาลีก็ยืนยันว่า สัญญาจ้างงานที่ถูกต้องจะต้องเป็นภาษาอิตาเลี่ยน  เมื่อมีเหตุข้อพิพาทขัดแย้ง  จะไม่สามารถฟ้องร้องด้วยสัญญาภาษาอื่นได้  ส่วนอีก

 

ปัญหาที่แรงงานไทยในสาขานวด/สปา  ประกอบคือ    การไม่ยอมรับหลักสูตการนวดแผนไทยในอิตาลี      การเปิดร้านนวด/สปาในอิตาลีจะต้องเปิดในสาขาการเสริมสวย  ไม่สามารถเปิดเป็นร้านนวดไทยโดยตรงได้  เพราะการจดทะเบียนต้องมีใบอนุญาตและหลักฐานด้านการแพทย์มาประกอบใบประกาศนียบัตรที่ได้รับมาจากประเทศไทยไม่เป็นที่ยอมรับในประเทศอิตาลี  ยกเว้นบางประเภทเท่านั้น  เช่น  ใบประกาศนียบัตรจากวัดโพธิ์  ใบประกาศนียบัตรจากกระทรวงสาธารณสุข   แต่ใบประกาศนียบัตรจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานของไทยยังไม่เป็นที่ยอมรับในประเทศอิตาลี(ความเห็นของวิทยากร)  นอกจากนี้ปัญหาการนวดแอบแฝง  การขายบริการ    ทางเพศ  ก็เป็นอีกปัญหาสำคัญในอิตาลีที่ก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อการนวด/สปาไทย  โดยเฉพาะร้านนวดที่ดำเนินกิจการโดยคนจีนที่ใช้ชื่อการนวดไทยมักจะประกอบกิจการขายบริการทางเพศควบคู่ไปด้วย

                                   1.4    ปัญหาแรงงานไทยในสวิตเซอร์แลนด์  กรณีศึกษาแรงงานไทยในสวิตเซอร์แลนด์จาก (ศูนย์ฟิซ  FIZ )  ศูนย์คุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่สตรีชาวต่างชาติ  เมืองซูริค  เป็นกรณีแรงงานด้านสปาและงานศิลปินคาบาเร่ต์  งานด้านสปานั้นแรงงานประสบปัญหาการทำสัญญา 2 ฉบับ  คือ              ฉบับทางการที่ใช้ในการขอใบอนุญาตต่าง ๆ เพื่อเข้าเมืองและสัญญาฉบับที่สองทำให้แรงงานไทยได้ค่าจ้างและสวัสดิการต่าง ๆ ลดลง  เมื่อเดินทางมาถึงแล้วก็ต้องทำงานและได้รับการปฏิบัติหลายอย่างที่ไม่ตรงกับสัญญาฉบับที่สองอีก รวมทั้งกฎระเบียบต่าง ๆ ในสวิตเซอร์แลนด์  ส่วนงานศิลปินคาบาเร่ต์  เป็นลักษณะสัญญาจ้างที่มีอายุสั้นเพียงเดือนหรือสองเดือนแล้วย้ายที่ทำงานไปเรื่อย ๆ ตามเมืองต่าง ๆ ทำให้การติดตามดูแลและให้ความช่วยเหลือเป็นไปด้วยความยากลำบาก  อีกทั้งกฎหมายและกฎระเบียบต่าง ๆ ก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐของสวิตเซอร์แลนด์ด้วย  นอกจากนี้ปัญหาด้านการจ่ายค่านายหน้า  และต้องการทำงานต่อไปในต่างประเทศ เพื่อใช้หนี้และเก็บเงิน  ทำให้ต้องทนหรือถูกบังคับให้หาทางให้ลูกค้าซื้อเครื่องดื่มฮัลกอฮอลล์เพื่อได้ค่าคอมมิชชั่น ต้องดื่มเครื่องดื่มดังกล่าวกับลูกค้า (เกิดปัญหาสุขภาพ)  และขายบริการทางเพศในที่สุด  เป็นปัญหาที่หญิงไทยและชายประเภทสองซึ่งมาทำงานด้านศิลปินคาบาเร่ต์ ต้องประสบ

 

2.   ประเด็นปัญหาแรงงานกับการค้ามนุษย์

                         2.1  กรณีศึกษาแรงงานไทยในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีจากมูลนิธิบ้านหญิง           ได้นำเสนอประเด็นเกี่ยวกับปัญหาการค้ามนุษย์  แรงงานไทย  และแนวทางในการแก้ไขปัญหาว่า  ในปัจจุบันสหพันธ์ฯ มีกฎหมายอาญาที่ให้คำนิยามเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ไว้ใน 3 มาตรา  คือ  มาตรา 232  การค้ามนุษย์เพื่อแสวงหาประโยชน์ทางเพศ  มาตรา  233  การค้ามนุษย์เพื่อแสวงหาประโยชน์จากแรงงาน  และมาตรา 233 a  การสนับสนุนส่งเสริมการค้ามนุษย์  การให้ความช่วยเหลือของมูลนิธิบ้านหญิงจะต้องดูว่าแรงงานนั้นเป็นการค้ามนุษย์หรือไม่  การค้าประเวณีไม่จำเป็นจะต้องเป็นการค้ามนุษย์ด้วยเสมอไป  การค้ามนุษย์จะต้องมีการบังคับหรือองค์ประกอบอื่น ๆ อาทิ  การกักขัง  การแสวงหาประโยชน์ด้วย   ส่วนการค้าประเวณีนั้นเป็นอาชีพที่ถูกต้องตามกฎหมายในสหพันธ์ฯ และถือเป็นอาชีพอิสระ ผู้ประกอบอาชีพต้องจ่ายค่าประกันต่าง ๆ ด้วยตนเอง 

 

 

รวมทั้งคำนวณเงินรายได้ด้วยตนเองเพื่อแจ้งให้หน่วยงานภาษีทราบและจ่ายภาษีทราบและจ่ายภาษีตามนั้น     ส่วนปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นกับแรงงานไทยที่ประกอบอาชีพค้าประเวณีนั้น  มักจะเป็นปัญหาในเรื่องภาษี  เช่น แรงงานไทยที่ค้าประเวณีหลายรายจะไม่เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ถูกต้อง  เนื่องจากความไม่รู้ ไม่เข้าใจในลักษณะอาชีพและระบบการเสียภาษีของสาขาอาชีพนี้   ปัจจุบันนี้นอกจากจะมีเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขและการตรวจคนเข้าเมืองจะเข้าตรวจตามสถานประกอบการค้าแล้วยังมีเจ้าหน้าที่สรรพกรมาตรวจสอบหลักฐานการเสียภาษีว่า ถูกต้องหรือไม่ด้วย

                                          ประเด็นด้านการค้ามนุษย์นั้น  มูลนิธิบ้านหญิงได้ติดต่อประสานงานทั้งกับหน่วยงานท้องถิ่นของสหพันธ์ฯ  อาทิ  กองตรวจคนเข้าเมือง  ตำรวจ  ทนายความต่าง ๆ เพื่อให้การช่วยเหลือรักษา  ฟ้องร้อง  ออกวีซ่าและดำเนินการส่งตัวกลับประเทศไทย  หากบุคคลนั้นประสงค์จะกลับประเทศไทย             ในขณะเดียวกันกับมูลนิธิบ้านหญิงก็ดำเนินการติดต่อกับหน่วยงานในประเทศไทยเพื่อช่วยเหลือบุคคลเหล่านี้ต่อไปเมื่อเดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้ว  คือ  มูลนิธิผู้หญิง  และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์  ปัญหาที่เกิดขึ้นในการประสานงานกับหน่วยงานราชการของไทย  คือ  การช่วยเหลือและการตัดสินใจของหน่วยงานราชการไทยค่อนข้างช้า  และการช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ผู้ถูกค้ามนุษย์ยังมีอยู่จำกัด  เพราะไม่มีหน่วยงานใดที่มีความชำนาญพิเศษในด้านกฎหมายในการให้ความช่วยเหลือที่ครอบคลุมและติดตามกระบวนการทางศาลได้  มูลนิธิบ้านหญิงได้มีข้อเสนอแนะว่า  ความช่วยเหลือทางกฎหมายยังต้องมีการเสริมสร้างให้เข้มแข็งต่อไป  เพื่อที่จะสามารถดำเนินคดีกับนักค้ามนุษย์และคุ้มครองสิทธิของผู้ย้ายถิ่นที่ถูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ  การให้ความช่วยเหลือแรงงานในต่างแดนยังมีความจำเป็นที่จะต้องแสวงหาความร่วมมือกับสหภาพแรงงาน และองค์กรที่ทำงานเรื่องแรงงานย้ายถิ่น  นอกจากนี้ควรมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอ  และเจ้าหน้าที่ที่ให้คำปรึกษาแนะนำก็ควรได้รับการอบรมอย่างสม่ำเสมอด้วยเช่นกัน 

                         2.2  แรงงานไทยในสวิสเซอร์แลนด์กรณีศึกษาจาก ILO ผู้แทนจากองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO)  ได้กล่าวถึง  ประเด็นการค้ามนุษย์กับการค้าประเวณีว่า  ความต้องการ (Demand) ก่อให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบ (Exploitation)  ไม่ว่าการเอาเปรียบนั้นจะเป็นสิ่งเดียวกับการค้ามนุษย์หรือไม่ก็ตาม  และไม่จำเป็นว่า  ความต้องการจะนำไปสู่การค้ามนุษย์เสมอไป  แต่เป็นเพราะการเอาเปรียบที่มีความต้องการหนุนอยู่นั่นเองที่จะนำไปสู่การค้ามนุษย์  การค้าประเวณีกับการละเมิดกฎหมายนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศที่มีกฎหมายแตกต่างกันไป  ได้แก่  ในสวีเดน  ผู้ซื้อบริการต้องได้รับโทษทางกฎหมาย  เพราะถือเป็นความรุนแรงทางเพศต่อสตรี  ในสวิตเซอร์แลนด์ไม่มีการเอาผิดผู้ซื้อบริการทางเพศ  ยกเว้นจะเป็นกรณีทำร้ายร่างกายหรือละเมิดด้านอื่น ๆ  ในสวิตเซอร์แลนด์จะแบ่งกลุ่มผู้ค้าบริการทางเพศไว้เป็น 3 กลุ่ม คือ 

 

                                               

 

1.  กลุ่มที่มีสถานะถูกต้องตามกฎหมาย  สามารถกำหนดเวลาทำงาน  ชั่วโมงทำงาน  ส่วนใหญ่เป็นชาวสวิส  และผู้ที่มีใบอนุญาตในการพำนักแบบ B และ C

                                               2. กลุ่มรับเงินแลกบริการ  เป็นกลุ่มสำคัญ และเป็นกลุ่มใหญ่ประกอบด้วย  คนงานด้านบันเทิงที่รับแขกเป็นรายได้เสริม  เช่น  นักเต้นคาบาเรต์  บาร์เทนเดอร์ในคลับอีโรติก  มีใบอนุญาตพำนักแบบ  L  การค้าบริการนี้ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย  แต่เจ้าหน้าที่มักไม่เอาผิด

                                               3. กลุ่มผิดกฎหมายหลบซ่อน  มักไม่ใช่ชาวยุโรป  เข้าเมืองโดยใช้วีซ่าท่องเที่ยวแล้วแอบทำงาน  มักเป็นเหยื่อค้ามนุษย์  อยู่ภายใต้การควบคุม  คาดว่าจะมีประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนผู้ค้าบริการทางเพศ

                                               ในขณะนี้มีการขัดแย้งกันระหว่างกฎหมายภายในของสวิตเซอร์แลนด์เกี่ยวกับการค้าประเวณี กับกฎหมายสากล  คือ อนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศฉบับที่ 182 ว่าด้วยการค้าประเวณีเด็ก       (ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี)  สวิตเซอร์แลนด์ให้สัตยาบันอนุสัญญาฯ  นี้  แต่ยังอนุญาตให้เด็กอายุเกินกว่า 16 ปีค้าประเวณีได้  ซึ่งคาดว่าจะต้องมีการปรับแก้ไขกฎหมายดังกล่าวให้สอดคล้องกับอนุสัญญาฯ  นี้ต่อไป

 

                                3. แรงงานไทย : งานแม่บ้าน  

งานด้านแม่บ้านเป็นอาชีพหนึ่งที่แรงงานต่างชาติจำนวนมากประกอบเป็นอาชีพเมื่อเข้ามาทำงานในยุโรป  โดยเฉพาะแรงงานจากประเทศฟิลิปปินส์  แรงงานฟิลิปปินส์มีความพร้อมมาก  มีการรวมกลุ่มกันอย่างเข้มแข็ง  และได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงแรงงานฟิลิปปินส์อย่างดี  ในขณะที่แรงงานไทยที่เข้ามาส่วนใหญ่ยังไม่มีความพร้อม  โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านภาษาท้องถิ่นของประเทศที่จะเข้าไปทำงาน  ทำให้แรงงานไทยประสบปัญหาหลายอย่างเมื่อเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศเหล่านี้แล้ว  ดังนั้นที่ประชุมมีความเห็นอยากให้หน่วยงานในประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับการส่งแรงงานไทยไปต่างประเทศ  ให้เพิ่มความสำคัญในการอบรมให้ความรู้แก่แรงงงานไทยที่จะเดินทางไปทำงานในต่างประเทศให้มากขึ้น  ในปัจจุบันมีหลายประเทศในยุโรปที่มีกฎหมายคุ้มครองแรงงานที่ทำงานเป็นแม่บ้านโดยเฉพาะ  ได้แก่  อิตาลี  ฝรั่งเศส  และฮอลแลนด์  กฎหมายนี้จะให้ความคุ้มครองแม่บ้านในเรื่องต่าง ๆ อาทิ  ค่าจ้าง  สิทธิมนุษยชน  สวัสดิการ  เป็นต้น

                              

                               4.  ข้อเสนอแนะและแนวทางในการแก้ปัญหาแรงงานไทยในยุโรป

                                       1.  ปัญหาแรงงานที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการไม่รู้ภาษา  การไม่เข้าใจในวัฒนธรรมความเป็นอยู่  การจ่ายค่านายหน้าเป็นจำนวนมาก  เป็นปัญหาซ้ำซากที่เกิดขึ้นเป็นประจำมาเป็นเวลานาน  การแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ  เป็นการแก้ปัญหาในต่างประเทศ ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาในระยะยาวควรเริ่มต้นที่ประเทศไทย  โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบต่าง ๆ ที่จะร่วมกันหาแนวทางแก้ไขและป้องกันปัญหาตั้งแต่จุดเริ่มต้น

 

                                       2.  ปัญหาด้านทัศนคติ  ค่านิยม  และวัฒนธรรมของแรงงานไทย  แรงงานไทยจำนวนมากไม่คิดที่จะต่อสู้เพื่อสิทธิประโยชน์ของตนเองเมื่อถูกเอาเปรียบม่ได้รับความเป็นธรรมก็ไม่อยากที่จะดำเนินการฟ้องร้องสู้คดี  เมื่อได้รับค่าชดเชยหรือค่าจ้างคืนแล้วก็ไม่อยากที่จะดำเนินการอะไรต่อไป  ทำให้ผู้ที่เอาเปรียบไม่เกรงกลัวและก่อให้เกิดการทำความผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

                                       3.ควรมีการจัดทำการอบรม หรือแนวทางการปฏิบัติตนสำหรับแรงงานที่จะออกไปทำงานในต่างประเทศ  โดยให้ความรู้ที่จำเป็นทั้งด้านภาษา  วัฒนธรรมความเป็นอยู่ของแต่ละประเทศให้แรงงานทราบและคุ้นเคยก่อนออกเดินทาง

                                      4. การให้ความช่วยเหลือแรงงานที่ประสบปัญหานั้น  ควรให้ความช่วยเหลือด้านจิตบำบัดด้วย  แม้ว่าจะดำเนินการส่งตัวกลับ  ฟ้องร้องแล้วหรือได้รับค่าชดเชยแล้ว  การฟื้นฟูสภาพจิตใจก็มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับแรงงานในการสร้างความเข้มแข็งและความพร้อมในการเข้าสู่สังคมและการทำงานในอนาคต

                                      5. หน่วยงานของไทยที่อยู่ในต่างประเทศ  ควรมีนโยบายในการทำงานที่ต่อเนื่องและยึดหลักปฏิบัติสากล คือไม่ว่าจะเปลี่ยนหรือมีการโยกย้ายเจ้าหน้าที่ในต่างประเทศ  นโยบายและหลักการปฏิบัติงานก็ควรจะเป็นไปในแนวทางเดิม  และควรให้เป็นมาตรฐานในทุกประเทศทั่วโลกด้วย

 

 

————————————

 

 

                                                                  

                                                                         ฝ่ายแรงงาน ประจำ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน

                                                                                                                พฤศจิกายน  2553


488
TOP